เคยไหม? เวลาที่ OTA ขออะไร เราก็ต้องยอมทำ ถ้าไม่ทำตามที่ขอก็อาจจะ…

เคยไหม?เวลาที่โทรไปหา ต้องรอให้ OTA โทรกลับมา นานเท่าไหร่ก็ต้องรอ

เคยไหม?เวลาที่เดือนนี้ยอดน้อย โทรไปอยากให้ OTA ช่วยโปรโมต สุดท้ายก็ต้องรอไปก่อน

เคยไหม?เวลาที่เข้าร่วมแคมเปญ ก็ได้ยอดขายนะ แต่ก็ไม่คุ้มเสียกับที่ต้อง ให้ส่วนลด%นี้ และ%นั้นอีกหลายต่อ

ที่สำคัญสุดคือ โรงแรมเป็นของเราแท้ๆ แต่เบื้องลึกแล้วเราดันไม่ได้เป็นคนควบคุมมันเองหมด 100%

ผมเข้าใจนะว่ามันอึดอัดใจมากแค่ไหน ที่ต้องเอา “ลมหายใจ” ไปฝากไว้กับคนอื่น
พอจะเข้าใจสุภาษิตไทยไหม “หายใจไม่ทั่วท้อง” มันจะรู้สึกยังไง

ลองคิดตามดูนะ โรงแรมในไทยที่ลงใน OTA มีไม่ต่ำกว่า 191,748 แห่ง ถ้าต้องรอคิวคอยแบ่งๆกันทำโปร/แคมเปญ โอกาสส่วนแบ่งที่จะมาถึงเรามันน้อยนิดแค่ไหน และหลายครั้งต้องยอมก้มหน้ารับชะตากรรม ที่มักถูกเลือกเป็นสถานะชนชั้นอันดับ 2 ที่ว่าเราอาจจะไม่ใช่เชนใหญ่โตอะไรไปต่อรอง

ค่าคอมมิสชั่นก็ยอมจ่ายไม่น้อยแล้ว ยังจะโดนขายต่ำกว่าราคาที่เราใส่ไปอีก
ต้องมาปวดหัวกับปัญหาที่เราไม่ได้ก่อจากลูกค้าที่จองไปแล้ว ทำไมราคา OTA ถึงต่ำกว่า Web ทั้งๆที่ใส่เท่ากัน
แล้วในมุมมองลูกค้าจะมองว่าใครผิด ใครเป็นพระเอกในใจลูกค้าหล่ะ ใครกันนะที่ชอบทำกับเราแบบนั้น
แต่เราจะทำอะไรได้ แถมคิดไม่ออกว่าจะเอาอาวุธอะไรไปต่อกรเค้า หรือเราต้องตกอยู่ในชะตากรรมต้องพึ่งเค้าไปตลอด?

เสียไปแล้วเท่าไหร่ ค่าคอมมิสชั่นต้องเสียแบบปกติที่ 17%-25%
แปลว่า ทุกๆรายได้ค่าห้องพัก 100,000 บาท >> จะเสียค่าคอมไปขั้นต้น 17,000 บาท
แล้วแต่ละปีเราต้องเสียเท่าไหร่ หลักแสน หลักล้าน??? ลองคำนวนดู

แต่พอผมได้ค้นพบวิธีและเข้าใจแก่นแท้อะไรบางอย่างจากประสบการณ์ทั้งแป้กและปัง โดยปรับวิธีคิดเพียงเล็กน้อยและลงมือทำอะไรบางอย่าง อย่างเป็นจริงเป็นจังและต่อเนื่อง ผมดันได้ผลลัพธ์ที่ดีอันมหาศาลอย่างต่อเนื่อง จนทุกวันนี้มันเกิดขึ้นอย่างอัตโนมัติในสมองเล็กๆของผม ที่ก็ไม่ต่างอะไรและน่าจะเกิดขึ้นได้เช่นกันในสมองของคุณ

ผมมีเรื่องเล่าให้ฟัง ผมเคยแนะนำสิ่งเหล่านี้ให้กับโรงแรมบ้านๆขนาดเล็ก-กลาง สิ่งที่เจ้าของโรงแรมบอกกับผมว่า

“คุณxxx คิดวิธีแบบนี้ได้ยังไง มันคือเรื่องจริงที่ผมไม่เคยคิดได้เห็นภาพแบบนี้มาก่อนเลยครับ”

“หลงผิดกับความคิดเดิมๆมาตลอดว่ามันถูกต้อง แต่พอได้ฟังแนวคิดนี้แล้วมันมีเหตุมีผลกว่าตั้งเยอะค่ะ”

“จ้างคนดูแล จ่ายเดือนละสองหมื่นห้า ยังไม่เคยได้รับรู้เคล็ดลับดีๆแบบนี้เลยค่ะ”

หลังจากนั้นผมได้แนะนำวิธีการเหล่านี้ให้กับ E-Distribution Manager หลายคน หลังจากนั้นไม่เกิน 1 ปีได้เลื่อนตำแหน่งเป็น Revenue Manager รายได้ 5-8 หมื่นต่อเดือนและเรียนรู้ทดสอบผลลัพธ์ต่างๆต่อไปจนเลื่อนตำแหน่งเป็น Director มีรายได้หลักแสนไม่ยากเย็น

ต่อมาผมใช้วิธีการเหล่านี้กับโรงแรมที่ไม่ได้ร่วมแคมเปญใดๆที่ให้ส่วนลดเป็นพิเศษ แต่อันดับและรายได้โรงแรมบนโลกออนไลน์ก็ไม่ได้ตกหล่นแม้แต่น้อย

และในวันที่กรุ๊ปยกเลิกกระทันหันแล้วโรงแรมต้องหาบุ๊คกิ้งอื่นมาชดเชยที่หายไป ผมและทีมภายในโรงแรมสามารถทำแคมเปญรันได้เองและได้ผลลัพธ์ทันทีโดยไม่ต้องรอคอยความช่วยเหลือจากใครภายนอก เพราะสมัยนี้เป็นยุคปลาเร็ว กินปลาช้า