พอกันที กับการโปรโมตขายโรงแรมผิดเวลา
เคยนั่งรอใครสักคน โดยคิดว่าเค้าจะมาเคาะประตูหาไหม
มันเจ็บปวดแค่ไหนที่ท้ายสุดเค้าคนนั้นก็ไม่มาวันแล้ววันเล่า
แต่ถ้าครั้งไหนที่เราได้นัดกับเค้า ความหวังที่จะได้เจอเค้ามันก็จะใกล้ความเป็นจริงมากขึ้น
เวลาคุณจะจีบใคร คุณก็น่าจะหาข้อมูลว่าเค้าคนนั้นเลิกงานประมาณกี่โมง จะออกจากที่ทำงานกี่โมง ไปกินกาแฟร้านนี้กี่โมง แล้วหาเวลาเอาตัวเองไปพูดคุย เจอะเจอเค้าช่วงเวลานั้นๆใช่หรือไม่
แล้วทุกวันนี้คุณรู้ข้อมูลอะไรบ้างที่ทำให้จะมีโอกาสเข้าใกล้ลูกค้าเป้าหมายของคุณ
เพราะวันนี้ผมเห็นโฆษณาเฟสบุ๊คโรงแรมแห่งหนึงในกทม โดยใช้ภาษาอังกฤษ
กำหนดกลุ่มเป้าหมายที่จะให้เห็นโฆษณาตัวนี้ > อยู่ที่ไทย >ใช้ภาษาอังกฤษ
โดยปกติลูกค้าหลักของโรงแรมแห่งนี้ไม่ใช่คนไทย
จะมีคนต่างชาติกี่% จากทั้งหมดที่ตั้งใจจะมากรุงเทพโดยมาหาที่พักเอาดาบหน้า
มันก็มีนะลูกค้าแบบนี้ แต่คุณอยากเสี่ยง หวังเอาลูกค้าดาบหน้าแบบนี้มากแค่ไหน ความเสี่ยงที่ห้องจะว่างมันมากแค่ไหนแล้วคุณจะรับได้ไหม
ลองนึกถึงตัวเองบ้าง แต่พฤติกรรมเราก็คงเอาไปแทนที่ของลูกค้าไม่ได้ทั้งหมดหรอก คงต้องลองเอาไปทดสอบต่อดู
ถ้าเป็นเราต้องเดินทางไปต่างประเทศหล่ะ:
เอาแบบใกล้ๆ สิงคโปร์ ฮ่องกง เพราะคนไทยไม่ต้องขอวีซ่า
คุณใช้เวลาตัดสินใจจองห้องพักล่วงหน้ากี่วันก่อนวันเดินทาง?
ไอ้ช่วงเวลาวันที่คุณตัดสินใจจอง ไปจนถึง > วันที่เข้าพัก จะเรียกว่า Booking Window
ลูกค้าแต่ละ Market Segment, สัญชาติ จะมีจำนวนวัน Booking Window แตกต่างกันไป เพราะบ้างก็ต้องขอวีซ่า และศึกษาข้อมูลต่างๆก่อนใช่ไหม
แต่จะไปขอวีซ่าหรือจองโรงแรมเลยตั้งแต่เห็นโฆษณาครั้งแรก มันเป็นไปได้กี่% ?
ลูกค้าและเราเองก็จะมีเวลาก่อนหน้านั้นอีก ซึ่งมันเกี่ยวกับเรื่อง Sale Funnel ในแต่ละขั้นตอน
Cold, Warm และ Hot Customer
ดังนั้น:
การที่ยิงโฆษณาไปหาชางต่างชาติที่มาถึงเมืองไทยแล้ว เพื่อจะขายห้องพักในกรุงเทพเนี่ยะ
ถ้าไม่ใช่เพื่อกิจกรรมชั่วคราวเร่งด่วน จะมีนักท่องเที่ยวกี่คนตัดสินใจจองช่วงเวลาที่โรงแรมยิงแอดไปหา ด้วย Full Package ต่างๆนาๆ
เปลืองเงินไม่ต่างอะไรกับยิงโฆษณาฝากท้อง ไปหาว่าที่คุณแม่ที่กำลังจะคลอดแล้ว