Page [tcb_pagination_current_page] of [tcb_pagination_total_pages]
การตลาดโรงแรมจาก Google Trend เริ่มยังไง?
การตลาดโรงแรมในยุคนี้ที่ทำให้เรารู้"ความอยาก"มากหรือน้อยของลูกค้า นั่นก็คือ Google Trend ที่เปิดให้ใช้ฟรีๆมานานแล้ว แต่เพื่อนๆเคยใช้กันบ้างหรือยัง บางคนอาจจะรู้ว่ามีสิ่งนี้แต่ไม่รู้จะเอามาประยุกต์ใช้กับการตลาดโรงแรมยังไง วันนี้ผมแอดมินโทนี่จะเอามาเปิดเผยเคล็ดลับราคาแพงให้กับเพื่อนๆแล้วกัน
Google Trend วัดความต้องการตลาดได้ยังไง?
คนซื้อของจากมีความต้องการใช่หรือไม่ สมัยนี้อยากทำอะไรก็น่าจะต้อง Google เพื่อข้อมูลเพิ่มเติมจากคำหรือที่เรียกว่า Keyword ที่คนๆนั้นจะนึกออกว่าอยากรู้ข้อมูลอะไร ซึ่งในแต่ละวันก็มีคนค้นหาคำมากมายจากหลากหลายแห่งทั่วมุมโลก ซึ่งแต่ละคนจะรู้ว่าตัวเองต้องการอะไร ต่างจากสื่อช่องทางด้านอื่นๆที่อาจจะใช้การกระตุ้นจากสิ่งที่คนอาจจะยังไม่รู้ก็ได้ว่าต้องการสิ่งๆนั้นนะ เพราะคนเราอาจจะนึกคำค้นหาไม่ถูกในเวลานั้น หรือไม่รู้ว่าตัวเองจำเป็นต้องการสิ่งๆนั้นก็เป็นได้ ดังนั้นคนที่ค้นหา Google จึงเป็นกลุ่มคนที่มีความอยากหรือต้องการเกิดขึ้นแล้วแล้วนั่นเอง
จากตัวอย่างด้านบน การวัดปริมาณการค้นหาวัดจาก Index ที่มีค่า 100 หรือการวัดชั่งน้ำหนักว่าจากปริมาณ 100% ถูกเปรียบเทียบคำต่างๆกันและในแต่ละช่วงเวลาตามสัดส่วนเท่าไหร่ เพื่อให้เห็นภาพความต้องการมากน้อยในแต่ละช่วงเทียบกันได้
การตลาดโรงแรมแบบเอาแต่ลดราคาไม่ได้ดู Google Trend หรือเปล่า?
นักการตลาดโรงแรมจะใช้ประโยชน์ยังไงจาก Google Trend โดยวัดว่า
สถานที่ท่องเที่ยวไหนคนสนใจมากกว่ากัน ก็ย่อมมีคนพร้อมซื้อมากกว่า ถ้าจำนวนห้องพักน้อยกว่าความต้องการ คนก็อาจจะแย่งกันซื้อโดยไม่จำเป็นต้องเป็นราคาถูกก็ได้
ส่วนสถานที่ท่องเที่ยวไหนความต้องการน้อย อำนาจการต่อรองก็อาจจะน้อยลงตาม ต้องนำเสนอในสิ่งที่ลูกค้าต้องการเพื่อแลกกับความสนใจเรื่องราคาของลูกค้าไป
สรุปคือ มันช่วยให้โรงแรมเข้าใจว่าเวลาไหนธุรกิจมีโอกาสมากหรือน้อย จากปริมาณความต้องการนั่นเอง
การตลาดโรงแรมง่ายๆจาก Google Trend
Google Trend เครื่องมือที่สามารถนำมาพลิกแพลงใช้การตลาดโรงแรมได้ง่ายๆ โดยอาศัยการสังเกตุพฤติกรรมกลุ่มเป้าหมายว่า "ถ้าคิดอยากจะเที่ยว จะต้องทำอะไรบ้าง" หลายคนอาจจะมีความคิดอยู่ในหัวและสงสัย จึงต้องมาถามอากู๋ตามคำถามในหัว ซึ่งเจ้า Google Trend ก็นำมารวบรวมให้เราว่า Keyword หรือคำที่มีคนมาพิมพ์ถามนั้นมีจำนวนเท่าไหร่ในแต่ละช่วงเวลา
นักการตลาดโรงแรมก็ต้องอย่าพลาดที่จะใช้ข้อมูลเหล่านี้นำมาวิเคราะห์ความต้องการของกลุ่มเป้าหมายว่ากำลังสนใจหรืออยากไปเที่ยวไหนกันมากน้อยแค่ไหน จะได้รู้ความต้องการหรือความอยากในช่วงเวลานั้นๆ และนำเสนอสิ่งที่อยากขายไปหาคนที่กำลังอยากซื้อได้ถูกเวลาแม่นยำมากขึ้นนั่นเอง
เครื่องมือ Google Trend นี้สามารถลดความเสี่ยงที่จะตะบี้ตะบันลงเงินไปกับการพยายามขายในสิ่งที่กลุ่มเป้าหมายอาจจะยังไม่ต้องการที่จะเที่ยว หรือตลาดยังมีความต้องการที่ยังน้อยอยู่
การตลาดโรงแรมในยุค Data
ต้องบอกตามตรงว่าอุตสาหกรรมโรงแรมในไทยยังใช้วิธีการตลาดแบบเดิมๆอยู่มากมาย โดยเฉพาะขนาด SME อย่าเพิ่งโกรธผมเลยนะที่ผมพูดแบบนี้ แต่มันคือเรื่องจริง ถ้ายอมรับมันได้ก็จะพัฒนามันได้เช่นกัน
ลองเทียบกับพวก ECommerce ดูสิครับว่าเค้าทำอะไรไปถึงไหนแล้ว ที่ทำให้เราซื้อของกันมากมาย มีของมาส่งถึงบ้านแทบจะทุกวัน (โดยเฉพาะคุณผู้หญิง ^^) ของบางอย่างทำให้เราจากไม่รู้จักสินค้านั้นๆเลย แต่หลอกหลอนเราจนเราต้องซื้อและกลายเป็นสาวกในที่สุด พอลองหันกลับมาธุรกิจโรงแรม เราเคยสงสัยไหมครับว่าทำไมเราไม่ค่อยเจออะไรแบบนั้น เจอบ่อยๆก็คือ ลดราคา โปรนั่น โปรนี่ Hardsale กันอย่างเดียว แนวที่จะใช้ Content Marketing เพื่อสร้าง Value หรือสาวกนั้นไม่ค่อยจะมาให้เห็น
รวมรวม Keyword ที่ลูกค้าจะนึกถึงให้เจอ
เพราะว่า Keyword นั้นสำคัญมากๆในการตลาดโรงแรม เวลาจะค้นหาอะไรก็ต้องถึงคำๆนั้นให้ออกว่าอยากรู้อะไร ยิ่งเป็นคำยาวๆหรือเรียกกันว่า Long Tail Keyword นั้นยิ่งดี เพราะจะมีโอกาสเข้าข่ายคำที่ค้นหามาก เช่น “โรงแรมหัวหินห้าดาวติดทะเล” แต่จะหา Keyword ที่ใกล้เคียงหรือยาอกรู้ว่าคนใช้คำไหนเยอะ แนะนำไปดูได้ที่เครื่องมือ Google Keyword Planer หรือ Ubersuggest
ช้าไปหรือเปล่าที่จะมาเรียนรู้ Google Trend?
คำตอบคือไม่มีอะไรที่ช้าเกินไป เพราะการไม่รู้นั้นมันแย่กว่า ดังนั้นเริ่มตั้งตอนนี้เดี๋ยวนี้เลย เว้นแต่ว่าเพื่อนๆจะถอดใจกับมันไปเสียก่อน แต่อยากเตือนไว้เลยว่า ถ้าไม่รู้สิ่งนี้ ชีวิตในอนาคตจะลำบากขึ้นและยากขึ้นอย่างแน่นอนในธุรกิจ ดังนั้น อย่าพลาดเป็นอันขาด
การตลาดโรงแรมยุคใหม่ เริ่มต้นที่ Data
อันดับแรกที่ต้องทำเลยครับ คือ “เก็บ Data”
เก็บอะไรยังไงหล่ะ? ก็เก็บทุกสิ่งอย่างที่ระบบ PMS มันมีมาให้กรอกครับ เพราะว่าเป็นข้อมูลที่สำคัญและสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้มากขึ้นในอนาคต ในวันนี้เพื่อนๆอาจจะคิดว่าทำไปก็ไม่เห็นได้อะไร แต่อยากจะบอกว่า ถ้าไม่เก็บวันนี้ อนาคตเวลาจะใช้ขึ้นมา มันก็ไม่มีให้ใช้เลยนะครับ จะมาย้อนหลังเก็บก็ไม่ได้ เพราะความแม่นยำของข้อมูลนั้นจะแตกต่างอย่างสิ้นเชิง เช่น
ถ้าเรามีข้อมูลเพียงแค่ว่า วันนี้มีคนจองมากี่ห้อง มีรายได้เท่าไหร่ เราก็จะได้แค่ 1. จำนวนห้อง 2. รายได้
แต่ถ้าเราเก็บแบบละเอียดขึ้น เราก็จะได้ข้อมูลเพิ่มเติมเอาไปทำ Forecast
- จำนวนห้อง
- รายได้
- วันที่/เวลา ที่ทำการจอง
- จองกี่วันล่วงหน้า (Booking Lead Time)
- Market Segment
- Booking Channel
- Nationality
- Country of Residence
- Booking Pace
- อื่นๆอีก
ช่วงส่งท้าย:
หากไม่อยากพลาดเคล็ดลับดีๆอื่นๆที่ผมจะเอามาเปิดเผยเพิ่มเติม Save Email , gusornhai@gmail.com นี้ไว้ใน Email Contact List เพื่อจะไม่ตกหล่นไปอยู่ Junkmail และ ลงข้อมูลการติดต่อไว้ด้านล่าง แล้วแอดมินโทนี่จะส่งไปบอกให้
Page [tcb_pagination_current_page] of [tcb_pagination_total_pages]